look alike sound alike LASA (ชื่อพ้องมองคล้าย)
นโยบาย
เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติแก่บุคลากรที่เกี่ยวข้องให้มีความระมัดระวังในการสั่งใช้ การเตรียมยา การจ่ายยา และการบริหารยาที่จัดเป็นยาที่มีชื่อคล้ายกัน รูปแบบยาคล้ายกัน อันจะส่งผลให้เกิดความคลาดเคลื่อนทางยาได้
นิยาม
ยาที่มีชื่อพ้อง มองคล้าย หรือLOOK ALIKE-SOUND ALIKE(LASA)
ยาชื่อพ้อง คือ ยาที่ออกเสียงคล้ายกัน หรือยาที่มีชื่อเหมือนกันแต่ต่างความแรง
ยามองคล้าย คือ ยาที่มีรูปแบบบรรจุภัณฑ์คล้ายกัน หรือรูปร่างเม็ดยา สีคล้ายกัน
รายการยาที่ชื่อพ้องมองคล้าย
1. Amoxicillin 250 mg <==> Amoxicillin 500 mg
2. Ammon carbonate <==>Ammon Mist Squill
3. Amitryptyline 10 mg <==>Amitryptyline 25 mg
4. Aspirin 60 mg <==> Aspirin 300 mg
5. Cefotaxime (Claforan) <==>Ceftazidime (Fortum)
6. Dicloxacillin 250 mg <==>Cloxacillin 250 mg
7. Diazepam 2 mg <==>Diazepam 5 mg
8. Enalapril 5 mg <==>Enalapril 20 mg
9. Glibenclamide <==>Glipizide
10. Hydrochlorothiazide <==>Amiloride + HCTZ
12. Hyoscine 10 mg <==>Hydroxyzine 10 mg
13. Isordil 5 mg <==>Isordil 10 mg
14. Lorazepam <==>Loratadine
15. Metronidazole 200 mg <==>Mebendazole 100 mg
16. Metronidazole 500 mg inj <==>Metroclopramide inj
17. Propranolol 10 mg <==>Propranolol 40 mg
18. Ranitidine inj <==>Hyoscine inj (ampคล้าย)
19.Triamcinolone 0.1%<==> Triamcinolone 0.02%
20.Trihexyphenidyl 2 mg <==>Trihexyphenidyl 5 mg
แนวทางปฏิบัติ
กรรมการ PTC – มีการทบทวนยาชื่อพ้องมองคล้าย (LASA) ที่มีใช้ในโรงพยาบาลเป็นประจำทุกปี
การจัดซื้อ - มีการจัดซื้อยาที่ชื้อคล้ายกันหรือชื่อเหมือนแต่ต่างความแรง ให้มีสีหรือหน้าตาของเม็ดยาแตกต่างกัน
การสั่งใช้
1. ให้แพทย์ผู้สั่งจ่ายใช้ชื่อสามัญทางยาในการสั่งใช้ยา หรือ เน้นความแตกต่างหรือความชัดเจนในใบสั่งยา เมื่อมียาชื่อพ้อง มองคล้าย (sound alike-look alike drugs) เหล่านี้
2. ลดการใช้คำสั่งการรักษาด้วยวาจาและคำสั่งการรักษาทางโทรศัพท์ หากจำเป็นต้องมีการทวน ชื่อยาซ้ำกับผู้สั่งใช้ยาอย่างน้อย 1 ครั้งเสมอ
โปรแกรมคอมพิวเตอร์
1.มีการจัดรูปแบบอักษรยาที่มีชื่อพ้องมองคล้าย (look alike –souud alike) เป็นตัวพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่ให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น
2. ฉลากยาที่ออกมาสำหรับจัดยาก็มีรูปแบบอักษรตัวพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่ให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น
เช่น LoraTADINE กับ LoraZEPAM
การจัดเก็บ
- แนวทางการจัดการเพื่อป้องกันการหยิบยาผิด คือจัดทำเครื่องหมายที่ชั้นวางยาให้เห็นเด่นชัด
การจัดยา
- ให้ระวังและโปรดสังเกตให้ดี เมื่อจะจัดยาหรือจ่ายยา ชื่อพ้อง มองคล้าย (sound alike-look
alike drugs) เหล่านี้ โดยจะต้องอ่านฉลากอย่างระมัดระวังทุกครั้งที่หยิบยา และอ่านซ้ำก่อนที่จะให้ยา โดยไม่วางใจกับการจดจำภาพ ที่เก็บ หรือสิ่งที่ไม่เจาะจงอื่นๆ
การบริหารยาและการตรวจสอบ
1. ควรมีการตรวจสอบเป้าหมายของการใช้ยาในคำสั่งใช้ยา และตรวจสอบการวินิจฉัยโรคที่เป็นปัจจุบันกับเป้าหมายหรือข้อบ่งชี้ในการให้ยาก่อนที่จะให้ยาอีกครั้งหนึ่ง
2. ผู้จ่ายยาจะต้องแจ้งผู้ป่วยทราบข้อบ่งชี้ของยา รูปลักษณ์ที่คาดหวังของยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องชื่อ รูปร่างหน้าตาของเม็ดยาที่คล้ายกัน
ติดตามผลการดำเนินงาน
1. จำนวนครั้งของการลงข้อมูลยาที่เป็นกลุ่มยา LASA ของโรงพยาบาลผิด
2. จำนวนครั้งของการจ่ายยาที่กำหนดเป็นกลุ่มยา LASA ของโรงพยาบาลผิด
:: ประชาสัมพันธ์
-ประชาสัมพันธ์งานเภสัชกรรม
-แก้ไขปัญหาของการใช้ยา
ฝ่ายเภสัชกรรมชุมชน โรงพยาบาลท่าแพ 2551
เรื่องเล่าจากเภสัชกร...
16 มิถุนายน 2553
look alike sound alike LASA (ชื่อพ้องมองคล้าย)
ป้ายกำกับ: patient safty goal
29 สิงหาคม 2551
การใช้calcium gluconate inj. ในผู้ป่วย
Calcium gluconate มีข้อบ่งใช้ในการรักษาภาวะ Hyperkalemia แบบรุนแรง (serum potassium >7 mEq/L) เพื่อป้องกันหัวใจเกิดการเต้นผิดจังหวะ[1] แคลเซียมไอออนจะออกฤทธิ์ antagonize กับโปแตสเซียมบริเวณ cardiac membrane และแปลงเปลี่ยนแปลง EKG ให้กลับสู่ปกติอย่างรวดเร็ว ออกฤทธิ์ภายใน 1-2 นาที ออกฤทธิ์นาน 30-60 นาที และสามารถให้ซ้ำได้โดยดูจาก EKG เป็นหลัก[2]ยาจะบรรจุใน ampule ความเข้มข้น 10% solution ปริมาตร 10 mL ประกอบด้วยแคลเซียม 0.45 mEq/mL การบริหารยาทำโดยการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ (IV bolus) แบบช้าๆ ไม่จำเป็นต้องเจือจาง[3] ฉีดประมาณ 5-10 นาที[2] การบริหารยาด้วยวิธีอื่นๆ ไม่แนะนำเพราะจะทำให้เกิดผลเสีย เช่น การบริหารยาด้วยการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (Intramuscular) มีรายงานการเกิดเนื้อตาย[4] แต่รายงานการเกิดเนื้อตายของ Calcium gluconate จะต่ำกว่าของ Calcium chloride[2] การใช้แบบหยดเข้าหลอดเลือดดำ (IV infusion) จะใช้ในกรณีที่มีความฉุกเฉินน้อยกว่า เช่น ผู้ป่วยขาดแคลเซียม
[1]เอกสารอ้างอิง
[1] McEvoy GK, editor. AHFS information handbook. Bethesda: American Society of Health-System Pharmacist; 2004. p. 2485-6.[2] Dipiro JE, Talbert RL, Yee GC, Wells BG, Matzke GR, Posey LM, editors. Pharmacotherapy: A pathophysiologic approach. 5th ed. New York: McGraw-Hill; 2002. p. 986-9.[3] McMorran S, Treatment of hyperkalaemia in the emergency department. Emerg Med J 2001;18:233.[4] Trissel LA. Handbook on injectable drugs. 12th ed. Bethesda: American Society of Health-System Pharmacist; 2003. p. 203-4.
ที่มา http://drug.pharmacy.psu.ac.th/Question.asp?ID=5423&gid=1
ป้ายกำกับ: ::ฝ่ายเภสัช, patient safty goal
17 สิงหาคม 2551
ยาในสตรีมีครรภ์ pregnancy category X & D
category X
1 Atorvastatin
2 Rosuvastatin
3 Simvastatin
4 Ergotamine tartrate
5 Finasteride
6 Quinine
7 Warfarin
8 Estrogens derivative
9 Clomiphene
10 Norethisterone(Primolut-N)
category D
Alprazolam
Amikacin C,D*
Amiodarone
Amitryptylline
Aspirin C,D&
Atenolol
Captopril C,D#
Carbamazepine
Celecoxib C,D$
Clonazepam
Clorazepate
Cotrimoxazole C,D$
Cyclophosphamide
Diazepam
Diclofenac B,D$
Doxorubicin
Doxycycline
Enalapril C,D#
Etoricoxib C,D$
Fluorouracil
Furosemide C,D
Gentamicin C,D*
HCTZ B,D
Ibuprofen B,D
Indapamide B,D
Imipramine
Indomethacin B,D
Irbesartan C,D
Lorazepam
Lithium
Losartan C,D
Mefenamic a C,D
Methimazole
Midazolam
Meloxicam C,D
Methotrexate
Metoprolol C,D
Piroxicam C,D
Phenobarbital
Phenytoin
Propranolol C,D
Propylthiouracil
Ramipril C,D
Spironolactone C,D
Streptomycin
Telmisartan : C,D
Tetracycline
Valproic acid
valsartan C,D
Vinblastine
Vincristine
ที่มา:ศูนย์ข้อมูลข่าวสารโรงพยาบาลสตูล
ป้ายกำกับ: ::ฝ่ายเภสัช, patient safty goal
15 สิงหาคม 2551
แนวปฏิบัติสำหรับยาที่มีความเสี่ยงสูง
โรงพยาบาลท่าแพ
วัตถุประสงค์
เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติแก่บุคลากรที่เกี่ยวข้องให้มีความระมัดระวังในการสั่งใช้ การเตรียมยา การจ่ายยา และการบริหารยาที่จัดเป็นยาที่มีความเสี่ยงสูง อันจะส่งผลให้เกิดความปลอดภัย และประสิทธิผลในการรักษาสูงสุดแก่ผู้ป่วย
นิยาม
High Alert Drug คือ กลุ่มยาที่มีความเสี่ยงสูงในการที่จะก่อให้เกิดอันตรายหรือผลเสียถ้ามีความผิดพลาดจากการใช้ยา เนื่องจากมีดัชนีการรักษาแคบ หรือมีผลต่ออวัยวะสำคัญ เช่น สมอง หัวใจ ไต ฯลฯ
(บุคลากรต้องตระหนักในอันตรายและเฝ้าระวังเพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความปลอดภัยจากยาเหล่านี้)
รายการยาความเสี่ยงสูง
สารละลาย electrolyte ในรูปแบบยาฉีด
- Magnesium sulfate (MgSO4) injection
- Potassium chloride (KCL) injection
- Calcium gluconate injection
กลุ่มยาหัวใจและหลอดเลือด
- Digoxin injection
- Dopamine injection
- Adrenaline injection
ยาเสพติด
- Morphine injection
- Pethidine injection
กลุ่มยาเคมีบำบัด
ทุกชนิดที่มีการ refer จากรพ.ศูนย์อื่นๆ
แนวปฎิบัติ
ข้อปฎิบัติในการสั่งใช้ยา การเตรียมยา การจ่ายยา และการบริหารยาที่จัดเป็นยาความเสี่ยงสูง เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย มีดังต่อไปนี้
1.แพทย์
1) การเขียนใบสั่งยาในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ต้องเขียนชื่อสามัญทางยา หรือชื่อการค้าที่เป็นคำเต็ม ไม่ใช้ชื่อย่อ ยกเว้นรายการยาที่มีการกำหนดเป็นคำย่อที่สากล โดยให้ระบุความแรงของยาที่ต้องการ ชนิดรูปแบบยาเตรียม การบริหารยา ด้วยลายมือที่อ่านง่ายชัดเจน พร้อมทั้งระบุชื่อแพทย์ผู้สั่งใช้กำกับทุกครั้ง
2) การเขียนขนาดยา หรือความแรงของยา ให้ใช้หน่วยระบบเมตริก เช่น mg, mcg
3) ในการเขียนตัวเลข ขนาดยาที่ต้องการใช้ หากขนาดยาที่ใช้อยู่ในรูปทศนิยมมีค่าไม่เต็มหนึ่งให้ใส่เลข 0 ตามด้วยจุด และตามด้วยตัวเลขที่ต้องการ เช่น ต้องการใช้ยา 0.2 มิลลิกรัม ให้เขียน 0.2 mg และหากกรณีที่ขนาดยาที่ใช้เป็นเลขจำนวนเต็ม ต้องเขียนเป็นเลขจำนวนเต็มไม่ค้องใส่จุดทศนิยม เช่น 3 mg ไม่ใช่ 3.0 mg
4) การสั่งใช้ยาความเสี่ยงสูงที่ต้องเจือจางก่อนให้ทางหลอดเลือด ให้ระบุรายละเอียดจำนวนยาและสารน้ำที่ต้องการอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เช่น เขียนคำสั่งเป็น dopamine 500 mg + D5W 500 ml,adrenaline 10 amp + NSS 100 ml แทนการสั่งเป็น dopamine 1:1 หรือ adrenaline 1:10
5) การสั่งใช้ยาความเสี่ยงสูงโดยวาจา เช่น การสั่งใช้ยาทางโทรศัพท์ ให้ทำได้เฉพาะในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งผู้ป่วยต้องได้รับยาอย่างเร่งด่วนเท่านั้น และต้องตามเขียนคำสั่งลงในใบ order ทันทีที่ทำได้ เช่น ภายในตอนเช้าของวันถัดไป กรณีที่สั่งใช้ในเวรดึก
6) การสั่งใช้ยาฉีด KCL,MgSO4 และ Calcium gluconate ให้ระบุหน่วย ดังนี้
- KCL injection ให้ระบุหน่วยเป็น mEq
- MgSO4 injection ให้ระบุหน่วยเป็น กรัม (Gm.) หรือ มิลลิกรัม (mg.)
- Calcium gluconate injection ให้ระบุหน่วยเป็น กรัม (Gm.) หรือ มิลลิกรัม (mg.) หรือสั่งใช้ในหน่วยมิลลิลิตร (ml) ได้ในกรณีที่ระบุความเข้มข้นชัดเจน เช่น 10% calcium gluconate 10 มล.
2. เภสัชกร
1) จัดทำรายการยาที่อยู่ในกลุ่มยาที่มีความเสี่ยงสูง และมีข้อมูลที่สำคัญต่างๆที่ต้องการสื่อสารให้ แพทย์ พยาบาล หรือผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดแนวทางปฎิบัติเดียวกันทั้งโรงพยาบาล
2) สร้างความตระหนัก และข้อควรคำนึงถึงในการตรวจสอบยาในแต่ละกลุ่มตามประเด็นสำคัญที่ต้องนึกถึง
3) เก็บยาให้เป็นสัดส่วน และบริเวณที่เก็บยาความเสี่ยงสูงต้องมีป้ายคำเตือนที่เห็นได้ชัดเจน
4) ใบสั่งยา/ใบ copy ที่มียาความเสี่ยงสูง ต้องทำเครื่องหมายที่ชื่อยานั้นให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดความระมัดระวังในการจัดยา ตรวจสอบ และการจ่ายยา
5) อ่านคำสั่งและขนาดยาให้ชัดเจน กรณีไม่มั่นใจให้สอบทานกับแพทย์ผู้สั่งใช้หรือพยาบาลประจำหอผู้ป่วยทันที
6) การเตรียมยาหรือจัดยาต้องมีการตรวจสอบซ้ำโดยบุคคลที่ไม่ได้เป็นผู้เตรียมหรือจัดก่อนที่จะจ่ายยาออกไป (independent check)
7) การจ่ายยาความเสี่ยงสูงในกรณีผู้ป่วยนอกต้องมีคำถามหลักที่ชัดเจนเพื่อยืนยันความถูกต้องของการใช้ยา
8) การจ่ายยาความเสี่ยงสูงให้แก่หอผู้ป่วยจะต้องติดสติกเกอร์คำเตือนหรือสัญลักษณ์ที่มองเห็นได้ชัดเจนทุกครั้ง เช่น “ High Alert Drug” “ใช้ NSS เท่านั้น” “ ใช้ D5W เท่านั้น”
3. พยาบาล
1) ยาความเสี่ยงสูงที่เป็น stock ward ต้องเก็บให้เป็นสัดส่วน และบริเวณที่เก็บยาความเสี่ยงสูงต้องมีป้ายคำเตือนที่เห็นได้ชัดเจน
2) ต้องไม่มี KCL injection เก็บเป็น stock อยุ่ในหอผู้ป่วย ยกเว้นเป็นยาที่สั่งใช้กับผู้ป่วยในขณะนั้น
3) ในการรับยาจากห้องยาทุกครั้งต้องทำการตรวจสอบยาที่ได้รับกับใบสั่งยาของแพทย์ให้ถูกต้องทั้ง ชื่อผู้ป่วย ชนิดยา ความแรง รูปแบบยาเตรียม จำนวน หากเป็นยาใหม่ที่ไม่คุ้นเคย หรือมีข้อสงสัย ให้โทรกลับไปยังห้องยาเพื่อยืนยันความถูกต้อง
4) การตรวจสอบยาก่อนการบริหารยา เมื่อจะหยิบใช้ยาเพื่อบริหารแก่ผู้ป่วย (พยาบาลผู้ตรวจสอบในข้อ 1 ไม่ควรเป็นคนเดียวกับข้อนี้)
5) ก่อนให้ยาให้ยืนยันความถูกต้องของผู้ป่วยอย่างน้อย 2 ตัวบ่งชี้ เช่น สอบถามชื่อ-นามสกุล และตรวจสอบที่ป้ายข้อมือ
6) สำหรับยาที่ต้องหยดเข้าหลอดเลือดดำ ผู้เตรียมต้องเขียนชื่อยาและความเข้มข้น พร้อมทั้งชื่อผู้เตรียมลงบนฉลากหรือใบปิดขวดน้ำเกลือที่เตรียมทุกครั้ง และในระหว่างให้ยาต้องมีการตรวจสอบการให้ยาซ้ำ โดยพยาบาลที่ไม่ได้เป็นผู้ให้ยา
7) พยาบาลผู้ให้ยามีการเฝ้าระวังอาการที่เป็นอันตรายที่สามารถเกิดได้จากการใช้ยาในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงระหว่างการให้ยา และมีการเตรียมการแก้ไขล่วงหน้าก่อนให้ยา เช่น เตรียมรถฉุกเฉิน หรือยาที่จำเป็นต้องใช้ในการแก้ไขอาการ
การใช้ยาที่มีความเสี่ยงสูง
1. Magnesium sulfate
2. Calcium gluconate injection
3. Potassium chloride
4. Digoxin injection
5. Dopamine injection
6. Adrenaline injection
7. Morphine injection
8. Pethidine injection
9. ยาเคมีบำบัด ที่มีการ refer จากรพ.ศูนย์อื่นๆ
Magnesium
รูปแบบยา 10% MgSO4 ใน 10 ml 1 g/amp
50% MgSO4 ใน 2 ml 1 g/amp
แนวทางการให้IV Magnesium sulfate
1. ให้มีคำสั่งใช้ยาโดยระบุหน่วย mg , mEq ,Gm
2. ผสมใน NSS,D5W,Ringer lactate
ห้าม ผสมในสารละลายด่าง (เช่น Calcium injection,NaHCO3 )
ห้ามแช่ตู้เย็น ตกตะกอน
3. ใช้ระบบตรวจสอบซ้ำก่อน- หลังให้ยา
4. Rate ในการให้ IV MgSO4 ไม่เกิน 150 mg/min
5. เตรียม Calcium gluconate ไว้เป็น Antidote
อาการข้างเคียงของ Magnesium
1. กด CNS มีผลข้างเคียงกับการหายใจ
2. มีผลต่อ Cardiovascular ทำให้เกิด Flushing complete Heart Block
3. Overdose จะเกิด heart block
Calcium gluconate
Dosage form : ในโรงพยาบาล ขนาด 10 ml ความแรง 0.45 mEq/1ml
แนวทางการใช้ Calcium gluconate อย่างปลอดภัยสำหรับพยาบาล
1. ให้ IV push ช้าๆ(10-20 นาที)
2. เจือจางใน D5W ไม่ควรใช้ NSS ห้าม ผสมกับ NaHCO3,carbonate
3. เฝ้าระวัง Extravasation (ถ้าเกิด) หยุดให้ยา + เปลี่ยนเส้น
Potassium Chloride
Dosage form : ในโรงพยาบาล 1.5 g in 10 ml (20 mEq)
- KCL injection ก่อนใช้ต้องเจือจางด้วย NSS
- การผสมยาต้องเจือจางในถุงน้ำเกลือ พลิกกลับไปมาให้ตัวยากระจายทั่วก่อนให้ผู้ป่วย
- ความเข้มข้นที่เหมาะสมในการให้ยาทาง IV
Peripheral line £ 80 mEq/L (rate < injection =" 0.5">120 ให้รีบรายงานแพทย์
Dopamine
Dosage form ในโรงพยาบาล : 250 mg in 10 ml
ความคงตัว
- ผสมได้ทั้งใน NSS,D5W,Rinnger
- ห้ามผสมกับสารละลายที่เป็นด่าง เช่น NaHCO3
- ห้ามใช้ถ้าสารละลายเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น หรือเป็นสีเหลือง
หลักการใช้ยา dopamine ที่ปลอดภัยสำหรับพยาบาล
1. จัดเก็บ Dopamine ไว้ห่างจากยาที่มีลักษณะคล้ายกัน คือ Aminophylline
2. จัดเตรียมสารละลายมาตรฐานก่อนใช้ยา คือ
ดูด Dopamine 4 ml.ออกจาก amp ยาก่อน แล้วเติมลงใน D5W 100 ml.
จะได้สารละลาย Dopamine 1:1 (1 ml.มี Dopamine1 mg)
3. ให้Dopamine ทาง central vein เท่านั้น
4. พยาบาลให้ยาต้องเป็น Double check โดยมีลายเซ็นให้ยา 2 ท่าน
6. Monitor vital sign ทุก 20 นาที จนกว่าจะหยุดยา รายงานแพทย์เมื่อผู้ป่วย complain ใจสั่น หรือ Heart rate มากกว่า 100 ครั้ง/นาที
หมายเหตุ ในกรณี ต้องการเตรียมสารละลาย 2:1
1. ดูด Dopamine 8 ml.
2. เติม Dopamine ลงไปใน D5W 100 ml. จะได้ สารละลาย 2:1
Adrenaline
Adrenaline = Epinephine
Adrenaline acid tartrate 1:1000 =adrenaline 1 mg/ml
Dosage form ในโรงพยาบาล : 1mg/ml (ขนาด 1 ml)
ข้อควรระวัง การคำนวณยาผิด
อาการข้างเคียง : คลื่นไส้ เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ สั่น วิงเวียน หน้ามืด
อาการover dose : ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว หยุดหายใจ อาจเกิด ventricular fibrillation pulmonary edema ซึ่งถึงแก่ชีวิตได้
Morphine
Dosage form ในโรงพยาบาล : Morphine sulfate (ampule) =10 mg/ml
อาการไม่พึงประสงค์
- GI : ท้องผูก,คลื่นไส้อาเจียน
- CNS : ง่วงซึม®®(รุนแรง)กดประสาทส่วนกลาง,กดการหายใจ
- CVS : hypotension,bradycardia,palpitation
- ปัสสาวะคั่ง
หลักการใช้ยา Morphine ที่ปลอดภัยสำหรับพยาบาล
1. แพทย์งดใช้ชื่อย่อในการสั่งใช้ สั่งใช้เป็น mg เท่านั้น
2. ให้ได้ทาง
- IV push ช้าๆ (นาน ~ 4-5 นาที) ก่อนฉีดให้ผสมกับ sterile water for inj. 4-5 ml
- IV drip ความเข้มข้น 0.1-1 mg/ml ใน D5W หรือ NSS
3. Monitoring parameter
….RR < antidote =" Naloxone">
ป้ายกำกับ: ::ฝ่ายเภสัช, patient safty goal
: : ค้นหา

Search
Categories
- ::ฝ่ายเภสัช (4)
- patient safty goal (4)
- EPI (1)
- ล้ำโลกRX (1)
:: ความรู้ด้านยา
Archives
-
: : กระทรวงสาธารณสุข
เกี่ยวกับฉัน
: : Recent Comments
: : ปฏิทิน
:: ประเภทบทความ
- ::ฝ่ายเภสัช (4)
- ล้ำโลกRX (1)
- EPI (1)
- patient safty goal (4)