tag:blogger.com,1999:blog-41862608102740897972024-02-19T23:22:00.545+07:00:: ฝ่ายเภสัชกรรม โรงพยาบาลท่าแพcomunity phamacy Thaphae Hospitalฝ่ายเภสัชท่าแพhttp://www.blogger.com/profile/09141928020517091974noreply@blogger.comBlogger11125tag:blogger.com,1999:blog-4186260810274089797.post-59949974082871692812010-06-16T16:36:00.009+07:002010-06-17T23:22:38.729+07:00look alike sound alike LASA (ชื่อพ้องมองคล้าย)<span style="font-size:130%;color:#000099;">look alike sound alike LASA (ชื่อพ้องมองคล้าย)</span><br />นโยบาย<br />เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติแก่บุคลากรที่เกี่ยวข้องให้มีความระมัดระวังในการสั่งใช้ การเตรียมยา การจ่ายยา และการบริหารยาที่จัดเป็นยาที่มีชื่อคล้ายกัน รูปแบบยาคล้ายกัน อันจะส่งผลให้เกิดความคลาดเคลื่อนทางยาได้<br /><br /><span style="color:#000099;">นิยาม</span><br />ยาที่มีชื่อพ้อง มองคล้าย หรือLOOK ALIKE-SOUND ALIKE(LASA)<br />ยาชื่อพ้อง คือ ยาที่ออกเสียงคล้ายกัน หรือยาที่มีชื่อเหมือนกันแต่ต่างความแรง<br />ยามองคล้าย คือ ยาที่มีรูปแบบบรรจุภัณฑ์คล้ายกัน หรือรูปร่างเม็ดยา สีคล้ายกัน<br /><br /><span style="color:#000099;">รายการยาที่ชื่อพ้องมองคล้าย<br /></span><br /><span style="color:#ff0000;">1. Amoxicillin 250 mg <==> Amoxicillin 500 mg<br />2. Ammon carbonate <==>Ammon Mist Squill<br />3. Amitryptyline 10 mg <==>Amitryptyline 25 mg<br />4. Aspirin 60 mg <==> Aspirin 300 mg<br />5. Cefotaxime (Claforan) <==>Ceftazidime (Fortum)<br />6. Dicloxacillin 250 mg <==>Cloxacillin 250 mg<br />7. Diazepam 2 mg <==>Diazepam 5 mg<br />8. Enalapril 5 mg <==>Enalapril 20 mg<br />9. Glibenclamide <==>Glipizide<br />10. Hydrochlorothiazide <==>Amiloride + HCTZ<br />12. Hyoscine 10 mg <==>Hydroxyzine 10 mg<br />13. Isordil 5 mg <==>Isordil 10 mg<br />14. Lorazepam <==>Loratadine<br />15. Metronidazole 200 mg <==>Mebendazole 100 mg<br />16. Metronidazole 500 mg inj <==>Metroclopramide inj<br />17. Propranolol 10 mg <==>Propranolol 40 mg<br />18. Ranitidine inj <==>Hyoscine inj (ampคล้าย)<br />19.Triamcinolone 0.1%<==> Triamcinolone 0.02%<br />20.Trihexyphenidyl 2 mg <==>Trihexyphenidyl 5 mg<br /></span><br /><span style="color:#000099;">แนวทางปฏิบัติ</span><br /><br />กรรมการ PTC – มีการทบทวนยาชื่อพ้องมองคล้าย (LASA) ที่มีใช้ในโรงพยาบาลเป็นประจำทุกปี<br />การจัดซื้อ - มีการจัดซื้อยาที่ชื้อคล้ายกันหรือชื่อเหมือนแต่ต่างความแรง ให้มีสีหรือหน้าตาของเม็ดยาแตกต่างกัน<br /><span style="color:#000099;">การสั่งใช้</span><br />1. ให้แพทย์ผู้สั่งจ่ายใช้ชื่อสามัญทางยาในการสั่งใช้ยา หรือ เน้นความแตกต่างหรือความชัดเจนในใบสั่งยา เมื่อมียาชื่อพ้อง มองคล้าย (sound alike-look alike drugs) เหล่านี้<br />2. ลดการใช้คำสั่งการรักษาด้วยวาจาและคำสั่งการรักษาทางโทรศัพท์ หากจำเป็นต้องมีการทวน ชื่อยาซ้ำกับผู้สั่งใช้ยาอย่างน้อย 1 ครั้งเสมอ<br /><span style="color:#000099;">โปรแกรมคอมพิวเตอร์</span><br />1.มีการจัดรูปแบบอักษรยาที่มีชื่อพ้องมองคล้าย (look alike –souud alike) เป็นตัวพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่ให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น<br />2. ฉลากยาที่ออกมาสำหรับจัดยาก็มีรูปแบบอักษรตัวพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่ให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น<br />เช่น LoraTADINE กับ LoraZEPAM<br />การจัดเก็บ<br /> - แนวทางการจัดการเพื่อป้องกันการหยิบยาผิด คือจัดทำเครื่องหมายที่ชั้นวางยาให้เห็นเด่นชัด<br /><span style="color:#000099;">การจัดยา</span><br />- ให้ระวังและโปรดสังเกตให้ดี เมื่อจะจัดยาหรือจ่ายยา ชื่อพ้อง มองคล้าย (sound alike-look<br />alike drugs) เหล่านี้ โดยจะต้องอ่านฉลากอย่างระมัดระวังทุกครั้งที่หยิบยา และอ่านซ้ำก่อนที่จะให้ยา โดยไม่วางใจกับการจดจำภาพ ที่เก็บ หรือสิ่งที่ไม่เจาะจงอื่นๆ<br /><span style="color:#000099;">การบริหารยาและการตรวจสอบ</span><br />1. ควรมีการตรวจสอบเป้าหมายของการใช้ยาในคำสั่งใช้ยา และตรวจสอบการวินิจฉัยโรคที่เป็นปัจจุบันกับเป้าหมายหรือข้อบ่งชี้ในการให้ยาก่อนที่จะให้ยาอีกครั้งหนึ่ง<br />2. ผู้จ่ายยาจะต้องแจ้งผู้ป่วยทราบข้อบ่งชี้ของยา รูปลักษณ์ที่คาดหวังของยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องชื่อ รูปร่างหน้าตาของเม็ดยาที่คล้ายกัน<br /><span style="color:#000099;">ติดตามผลการดำเนินงาน</span><br />1. จำนวนครั้งของการลงข้อมูลยาที่เป็นกลุ่มยา LASA ของโรงพยาบาลผิด<br />2. จำนวนครั้งของการจ่ายยาที่กำหนดเป็นกลุ่มยา LASA ของโรงพยาบาลผิดฝ่ายเภสัชท่าแพhttp://www.blogger.com/profile/09141928020517091974noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4186260810274089797.post-84008792680716684122010-05-12T12:08:00.006+07:002010-07-14T10:35:00.746+07:00โครงการEPI-ROUTINE<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgnYfUY0E71iC-B19mk1lMDg5BJOPK4YsTZBoKy5mSltmVDQxBiL6baKspyMCLBbPB_kWyH9dOCj4eXba-EwxjYQouy8LzGIU-psM8XfIv-CSvmdsA49TUodULoq3LpXnJCFjnagdSRbCFD/s1600/epi2.JPG"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5470247296390747906" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 256px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgnYfUY0E71iC-B19mk1lMDg5BJOPK4YsTZBoKy5mSltmVDQxBiL6baKspyMCLBbPB_kWyH9dOCj4eXba-EwxjYQouy8LzGIU-psM8XfIv-CSvmdsA49TUodULoq3LpXnJCFjnagdSRbCFD/s320/epi2.JPG" border="0" /></a><br /><div></div><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhPvUWIkpqbIyAS3T3pb0uJQVe0Bz989nJTS89Wn3dRB_B_AEKXLHEA35nBYZV4k5lvxtNb71klTxOb1byYwh1Ecjr24ClgxVkjfmOZ6Q1mYmZNkL5E3qY6JMjIQgS3IdWPUV4wq1CWgmIV/s1600/epi.JPG"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5470246780624847810" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 214px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhPvUWIkpqbIyAS3T3pb0uJQVe0Bz989nJTS89Wn3dRB_B_AEKXLHEA35nBYZV4k5lvxtNb71klTxOb1byYwh1Ecjr24ClgxVkjfmOZ6Q1mYmZNkL5E3qY6JMjIQgS3IdWPUV4wq1CWgmIV/s320/epi.JPG" border="0" /></a> </div><br /><div></div><div><a href="http://sites.google.com/site/pharmtph/Home">DOwnloadแบบฟอร์ม ว3/1 สำหรับpcuในเครือข่ายบริการสุขภาพท่าแพ</a><br /><br /><div></div></div>ฝ่ายเภสัชท่าแพhttp://www.blogger.com/profile/09141928020517091974noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4186260810274089797.post-55421909513091048692008-09-24T11:47:00.002+07:002010-06-16T16:45:26.207+07:00Epocrates Rx เป็นโปรแกรมการใช้ยาบนมือถือ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhd0F1VdvKkz7KRIc6uudPMDMz8njVOtGJlVoCE8eMTBp5NSFpPDgBhzKcsxQn1MlWtpYVxCp9MVAYgkVoO4dGKEszJC5tUQU0EcVX-vI5o6X3AUQa01Tpb19Y_RYLKXQObBzkx0PsBBPZt/s1600-h/screen-winmobile-intro.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5249445321217573346" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhd0F1VdvKkz7KRIc6uudPMDMz8njVOtGJlVoCE8eMTBp5NSFpPDgBhzKcsxQn1MlWtpYVxCp9MVAYgkVoO4dGKEszJC5tUQU0EcVX-vI5o6X3AUQa01Tpb19Y_RYLKXQObBzkx0PsBBPZt/s320/screen-winmobile-intro.gif" border="0" /></a><br /><div><br />Download ที่: <a href="http://www.epocrates.com/" target="_blank">http://www.epocrates.com/</a><br />ราคา: ฟรี<br />อุปกรณ์ที่รองรับ: Palm, Pocket PC, Windows Mobile Phone, Windows Mobile Smart Phone ใช้พื้นที่ใน main memory อย่างน้อย 4.8MB<br /><br />ข้อดี<br />1.ฟรี<br />2.ค้นหายาและข้อมูลที่ต้องการได้ง่าย และเป็นมากกว่าตำรายาทั่วไปที่เราใช้กัน<br />3.Update ข้อมูลผ่าน GPRS/EDGE/Wi-Fi ของเครือข่ายโทรศัพท์มือถีอหรือเครือข่าย Wi-Fi ในสถานพยาบาลได้โดยไม่ต้องผ่าน PC<br /><br />ข้อด้อย<br />1.ลงโปรแกรมใน SD Card ไม่ได้<br />2.ไม่มีรายการยาที่ใช้ในยุโรปและเอเชีย ที่ยังไม่ผ่านการรับรองของ FDA ที่มีใช้ในประเทศไทย<br />3.ไม่มีภาษาไทย<br /><br />สรุป<br />Epocrates Rx เป็นโปรแกรมการใช้ยา ที่สามารถเอามาใส่ไว้ในโทรศัพท์มือถือในกลุ่ม Windows Mobile Phone เปิดดูได้ทันที ทำให้เพิ่มความสะดวกในการเรียนรู้และมีความแม่นยำในการสั่งการรักษา โปรแกรมนี้มีคนในสายการแพทย์ใช้มากกว่า 500.000 รายทั่วโลก จึงเป็นการยืนยันได้ถึงความน่าเชื่อถือของ ePocrates Rx </div><div>ที่มา:<a href="http://www.kom.homelinux.org/node/4939">http://www.kom.homelinux.org/node/4939</a> คุณคมสันต์โรงพยาบาลบ้านสร้าง</div>ฝ่ายเภสัชท่าแพhttp://www.blogger.com/profile/09141928020517091974noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4186260810274089797.post-74639238749829546142008-09-04T16:57:00.010+07:002008-09-04T17:31:49.209+07:00ขนาดยาmorphine inj ในMI<span style="font-size:180%;color:#000099;">ถาม</span> อยากทราบมีอาการ chest pain แพทย์สั่ง morphine sulfate ขนาด 3 mg IV อยากทราบว่าจะให้ยาซ้ำได้เมื่อไร<br /><span style="font-size:180%;color:#ff0000;">คำตอบ </span>ขนาดยา morphine เมื่อให้แบบ IV สามารุให้ยาได้ในขนาด 2.5-5 mg ทุก 3-4 ชั่วโมง และสามารถให้ยาซ้ำได้ทุก 5 นาที หากจำเป็น แต่อย่างไรก็ตามควรมีการ monitor respiratory and mental status และ bood pressure โดยการให้ยาจะต้อง dilute ด้วย SWFI หรือ NSS 4-5 ml และใช้เวลาในการให้ยา 3-5 นาที<br /><br /><span style="color:#006600;">เอกสารอ้างอิง</span> Drug Information Handbook International ,13 edition , 2005 -2006 , p.1085-1086 2.คู่มือการบริหารยาฉีดเพื่ลดความเสี่ยง โรงพยาบาลสงขลา<br />ที่มา <a href="http://http://209.85.175.104/search?q=cache:VAooi8F28fAJ:www.sk-hospital.com/skmessage/download.php%3Fid%3D2915%26sid%3Df2e2ac3c925a2b7117b732b6c3e9a069+%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%B2+morphine+inj&hl=th&ct=clnk&cd=3&gl=th&lr=lang_th">ศูนย์ข้อมูลยา</a>ฝ่ายเภสัชท่าแพhttp://www.blogger.com/profile/09141928020517091974noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4186260810274089797.post-90976303037710193022008-09-04T16:57:00.007+07:002008-09-04T17:18:21.337+07:00การใช้ยา morphine injmorphine sulphate 10 mg/cc dilute กับ normal saline จะมีความคงตัวนานเท่าไร<br />[19 พฤศจิกายน 2545 : 14:49:07]<br /> กลับไปกระดานถาม:ตอบ ตอบคำถามนี้<br />morphine sulphate 10 mg/cc dilute กับ normal saline จะมีความคงตัวนานเท่าไรโดยหลังจากการdilute จะบรรจุในsyringe แล้วเก็บไว้ที่ ward ซึ่งอยากถามว่าควรจะเก็บไว้ที่อุณหภูมิเท่าไร และเก็บได้นานเท่าไรขอบคุณมากค๊ะ<br />ข้อมูลผู้ป่วย :<br />เพศ หญิง อายุ - น้ำหนัก - kg สูง - cm<br /><br />ขอรับข้อมูลโดย : Askrx.net<br />จาก ภญ.มัลลิกา ตันฉ้อง asryhero@yahoo.com<br />เภสัชกร โรงพยาบาล<br />ฝ่ายเภสัชกรรม โรงพยาบาลละงู สตูล<br />จุดประสงค์การสอบถามเพื่อ :การกำหนดแนวทางการใช้ยาใน รพ.<br />IP [ xxx.156.11.230]<br /><br />[22 พ.ย. 45 : 10:28:01] ภญ.ดร.จุราพร พงศ์เวชรักษ์ ภญ.มณฑาทิพย์ pjurapor@ratee.psu.ac.th IP [ xxx.168.28.180] : 1 <br />Morphine Stability<br />: การเก็บ Morphine inj ทั้งชนิดที่เจือจางและไม่เจือจาง แนะนำให้เก็บในภาชนะปิดสนิท,<br />ไม่ให้โดนแสง ,เก็บที่อุณหภูมิห้อง และไม่เก็บในช่องแช่แข็ง<br />: การผสมหรือเจือจางให้ใช้ D5W หรือ NSS จะได้สารละลายใสหรือสี เหลืองอ่อน<br />ถ้าสารละลายเปลี่ยนเป็นสีเข้มแสดงว่ายาเสื่อมสภาพไม่ควรนำมาใช้<br />:จากการศึกษาความคงตัวของ Morphine sulphate inj ที่ผสมกับ NSS ในความเข้มข้น 1,5mg/ml<br />ที่บรรจุใน30 ml(Becton-Dickinson)syringes capped with Monoject(Sherwood)โดยเก็บที่<br />อุณหภูมิ 4,23,-20 C Fโดยเก็บในที่มืดและในที่มีแสงเป็นเวลา 12 อาทิตย์ พบว่ายาที่<br />เก็บในที่มืดทั้ง 3 อุณหภูมิยังมีความคงตัว<br />: สรุปยา Morphine sulphate inj ที่เจือจางแล้ว ถ้าเก็บในที่มืดน่าจะมีความคงตัวสูง(โดยควร<br />เก็บที่อุณหภูมิห้อง) ดังนั้นในการพิจารณาการเสื่อมสภาพของยาอาจดูจากลักษณะทาง<br />กายภาพของยาร่วมด้วย โดยสารละลายจะต้องไม่มีตะกอนและไม่เปลี่ยนสี<br /><br />เอกสารอ้างอิง<br />AHFS Drug Information 2001<br />Handbook on Injectable Drugs 11 th edition<br /><br />ที่มา ศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านยาฝ่ายเภสัชท่าแพhttp://www.blogger.com/profile/09141928020517091974noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4186260810274089797.post-34172996941783256462008-08-29T11:03:00.004+07:002010-06-16T16:47:49.307+07:00การใช้calcium gluconate inj. ในผู้ป่วย<div align="left"><span style="color:#3333ff;"><strong> การใช้calcium gluconate inj. ในผู้ป่วยhyperkalemia ควรdiluteเป็นเท่าไรและในrateอย่างไร</strong> </span><br /> <span style="color:#ff0000;">Calcium gluconate</span> มีข้อบ่งใช้ในการรักษาภาวะ Hyperkalemia แบบรุนแรง (serum potassium >7 mEq/L) เพื่อป้องกันหัวใจเกิดการเต้นผิดจังหวะ[1] แคลเซียมไอออนจะออกฤทธิ์ antagonize กับโปแตสเซียมบริเวณ cardiac membrane และแปลงเปลี่ยนแปลง EKG ให้กลับสู่ปกติอย่างรวดเร็ว ออกฤทธิ์ภายใน 1-2 นาที ออกฤทธิ์นาน 30-60 นาที และสามารถให้ซ้ำได้โดยดูจาก EKG เป็นหลัก[2]ยาจะบรรจุใน ampule ความเข้มข้น 10% solution ปริมาตร 10 mL ประกอบด้วยแคลเซียม 0.45 mEq/mL การบริหารยาทำโดยการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ (IV bolus) แบบช้าๆ ไม่จำเป็นต้องเจือจาง[3] ฉีดประมาณ 5-10 นาที[2] การบริหารยาด้วยวิธีอื่นๆ ไม่แนะนำเพราะจะทำให้เกิดผลเสีย เช่น การบริหารยาด้วยการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (Intramuscular) มีรายงานการเกิดเนื้อตาย[4] แต่รายงานการเกิดเนื้อตายของ Calcium gluconate จะต่ำกว่าของ Calcium chloride[2] การใช้แบบหยดเข้าหลอดเลือดดำ (IV infusion) จะใช้ในกรณีที่มีความฉุกเฉินน้อยกว่า เช่น ผู้ป่วยขาดแคลเซียม<br /><span style="color:#ff0000;">[1]เอกสารอ้างอิง</span><br />[1] McEvoy GK, editor. AHFS information handbook. Bethesda: American Society of Health-System Pharmacist; 2004. p. 2485-6.[2] Dipiro JE, Talbert RL, Yee GC, Wells BG, Matzke GR, Posey LM, editors. Pharmacotherapy: A pathophysiologic approach. 5th ed. New York: McGraw-Hill; 2002. p. 986-9.[3] McMorran S, Treatment of hyperkalaemia in the emergency department. Emerg Med J 2001;18:233.[4] Trissel LA. Handbook on injectable drugs. 12th ed. Bethesda: American Society of Health-System Pharmacist; 2003. p. 203-4.<br /><a href="http://drug.pharmacy.psu.ac.th/Question.asp?ID=5423&gid=1">ที่มา</a> <a href="http://drug.pharmacy.psu.ac.th/Question.asp?ID=5423&gid=1">http://drug.pharmacy.psu.ac.th/Question.asp?ID=5423&gid=1</a></div>ฝ่ายเภสัชท่าแพhttp://www.blogger.com/profile/09141928020517091974noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4186260810274089797.post-86334045695079203342008-08-18T08:43:00.002+07:002008-08-18T08:46:25.476+07:00แนวทางการจัดยาผู้ป่วยใน<div align="center"><span style="font-size:130%;color:#3366ff;">แนวทางการจัดยาผู้ป่วยใน</span></div>1.กรณียาเม็ด ห้องยาจะต้อง print สติกเกอร์หน้าซองยาเม็ดและยาน้ำทุกขวด<br />(ยาน้ำจะจัดให้แบบขวดไปให้ ตามมาตรฐาน HA) <br /><br />2. กรณีคนไข้กลับบ้าน wardต้องคืนยาทุกตัวให้ห้องยาฝ่ายเภสัชท่าแพhttp://www.blogger.com/profile/09141928020517091974noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-4186260810274089797.post-74193263841127322942008-08-17T20:25:00.010+07:002010-06-16T16:47:02.771+07:00ยาในสตรีมีครรภ์ pregnancy category X & D<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjxK9u0XLHldRWFa0WBOZd27g0u_sz6SrCRYENdJVjc3iByFTWX9meMImeTZGIpNrXC3Hx_RcNZRGWWOIExt2IXsxJpQcsqa1DAZluyLqCa9vvnQy3G8K-O9MQSvGircIBLiCS4I6vvqqy0/s1600-h/fetus.JPG"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5235478979295238370" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjxK9u0XLHldRWFa0WBOZd27g0u_sz6SrCRYENdJVjc3iByFTWX9meMImeTZGIpNrXC3Hx_RcNZRGWWOIExt2IXsxJpQcsqa1DAZluyLqCa9vvnQy3G8K-O9MQSvGircIBLiCS4I6vvqqy0/s320/fetus.JPG" border="0" /></a> <span style="color:red;"><strong>category X</strong> </span><br /><br />1 Atorvastatin<br /><br />2 Rosuvastatin<br /><br />3 Simvastatin<br /><br />4 Ergotamine tartrate<br /><br />5 Finasteride<br /><br />6 Quinine<br /><br />7 Warfarin<br /><br />8 Estrogens derivative<br /><br />9 Clomiphene<br /><br />10 Norethisterone(Primolut-N)<br /><br /><br /><br /><span style="color:#cc0000;">category D<br /></span><br /><br />Alprazolam<br /><br />Amikacin C,D*<br /><br />Amiodarone<br /><br />Amitryptylline<br /><br />Aspirin C,D&<br /><br />Atenolol<br /><br />Captopril C,D#<br /><br />Carbamazepine<br /><br />Celecoxib C,D$<br /><br />Clonazepam<br /><br />Clorazepate<br /><br />Cotrimoxazole C,D$<br /><br />Cyclophosphamide<br /><br />Diazepam<br /><br />Diclofenac B,D$<br /><br />Doxorubicin<br /><br />Doxycycline<br /><br />Enalapril C,D#<br /><br />Etoricoxib C,D$<br /><br />Fluorouracil<br /><br />Furosemide C,D<br /><br />Gentamicin C,D*<br /><br />HCTZ B,D<br /><br />Ibuprofen B,D<br /><br />Indapamide B,D<br /><br />Imipramine<br /><br />Indomethacin B,D<br /><br />Irbesartan C,D<br /><br />Lorazepam<br /><br />Lithium<br /><br />Losartan C,D<br /><br />Mefenamic a C,D<br /><br />Methimazole<br /><br />Midazolam<br /><br />Meloxicam C,D<br /><br />Methotrexate<br /><br />Metoprolol C,D<br /><br />Piroxicam C,D<br /><br />Phenobarbital<br /><br />Phenytoin<br /><br />Propranolol C,D<br /><br />Propylthiouracil<br /><br />Ramipril C,D<br /><br />Spironolactone C,D<br /><br />Streptomycin<br /><br />Telmisartan : C,D<br /><br />Tetracycline<br /><br />Valproic acid<br /><br />valsartan C,D<br /><br />Vinblastine<br /><br /><a href="http://adminsatun.blogspot.com/">Vincristine</a><br /><br /><br />ที่มา:<a href="http://hospital.moph.go.th/satun/PharmWeb/index.htm">ศูนย์ข้อมูลข่าวสารโรงพยาบาลสตูล</a>ฝ่ายเภสัชท่าแพhttp://www.blogger.com/profile/09141928020517091974noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4186260810274089797.post-18750233098056397902008-08-16T22:58:00.006+07:002008-08-17T22:08:55.199+07:00ความแตกต่างระหว่างยาและเครื่องมือแพทย์ยา ตาม พระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม<br />"<span style="color:#000099;">ยา</span>" หมายความว่า<br><br />(1) วัตถุที่รับรองไว้ในตำรายาที่รัฐมนตรีประกาศ<br /><br>(2) วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับใช้ในการวิจัย บำบัด บรรเทา รักษา หรือป้องกันโรค หรือความเจ็บป่วยของมนุษย์หรือสัตว์<br /><br>(3) วัตถุที่เป็นเภสัชเคมีภัณฑ์ หรือเภสัชเคมีภัณฑ์ กึ่งสำเร็จรูปหรือ<br /><br>(4) วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับให้เกิดผลแก่สุขภาพ โครงสร้างหรือการกระทำหน้าที่ใดๆ ของร่างกายมนุษย์หรือสัตว์วัตถุตาม (1) (2) หรือ (4) ไม่หมายความรวมถึง(ก) วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับใช้ในการเกษตร หรืออุตสาหกรรมตามที่รัฐมนตรีประกาศ(ข) วัตถุ ที่มุ่งหมายสำหรับใช้เป็นอาหารสำหรับมนุษย์ เครื่องกีฬา เครื่องมือที่ใช้ในการส่งเสริมสุขภาพ เครื่องสำอางหรือเครื่องมือ และส่วนประกอบของเครื่องมือ ที่ใช้ในการประกอบโรคศิลปะ หรือวิชาชีพเวชกรรม(ค) วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับใช้ในห้องวิทยาศาสตร์ สำหรับการวิจัยการวิเคราะห์ หรือการชันสูตรโรค ซึ่งมิได้กระทำโดยตรง ต่อร่างกายมนุษย์<br><br /><br /><span style="color:#000099;">เครื่องมือแพทย์</span> พระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551“เครื่องมือแพทย์” หมายความว่า<br><br />(๑) เครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องกล วัตถุที่ใช้ใส่เข้าไปในร่างกายมนุษย์หรือสัตว์ น้ำยาที่ใช้ตรวจในห้องปฏิบัติการ ผลิตภัณฑ์ ซอฟต์แวร์ หรือวัตถุอื่นใด ที่ผู้ผลิตมุ่งหมายเฉพาะสำหรับใช้อย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ ไม่ว่าจะใช้โดยลำพัง ใช้ร่วมกันหรือใช้ประกอบกับสิ่งอื่นใด<br /><br>(ก) ประกอบโรคศิลปะ ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ประกอบวิชาชีพทันตกรรม ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด และประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ตามกฎหมายว่าด้วยการนั้นหรือประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่นตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด<br /><br>(ข) วินิจฉัย ป้องกัน ติดตาม บำบัด บรรเทา หรือรักษา โรคของมนุษย์หรือสัตว์<br /><br>(ค) วินิจฉัย ติดตาม บำบัด บรรเทา หรือรักษา การบาดเจ็บของมนุษย์หรือสัตว์<br /><br>(ง) ตรวจสอบ ทดแทน แก้ไข ดัดแปลง พยุง ค้ำ หรือจุนด้านกายวิภาคหรือกระบวนการทางสรีระของร่างกายมนุษย์หรือสัตว์<br /><br>(จ) ประคับประคองหรือช่วยชีวิตมนุษย์หรือสัตว์<br /><br>(ฉ) คุมกำเนิด หรือช่วยการเจริญพันธุ์ของมนุษย์หรือสัตว์<br /><br>(ช) ช่วยเหลือหรือช่วยชดเชยความทุพพลภาพหรือพิการของมนุษย์หรือสัตว์<br /><br>(ซ) ให้ข้อมูลจากการตรวจสิ่งส่งตรวจจากร่างกายมนุษย์หรือสัตว์ เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์หรือการวินิจฉัย<br /><br>(ฌ) ทำลายหรือฆ่าเชื้อสำหรับเครื่องมือแพทย์<br /><br>(๒) อุปกรณ์ หรือส่วนประกอบของเครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องกล ผลิตภัณฑ์ หรือวัตถุตาม (๑)<br /><br>(๓) เครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องกล ผลิตภัณฑ์ หรือวัตถุอื่นที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดว่าเป็นเครื่องมือแพทย์ผลสัมฤทธิ์ตามความมุ่งหมายของสิ่งที่กล่าวถึงตาม (๑) ซึ่งเกิดขึ้นในร่างกายมนุษย์หรือสัตว์ต้องไม่เกิดจากกระบวนการทางเภสัชวิทยา วิทยาภูมิคุ้มกันหรือปฏิกิริยาเผาผลาญให้เกิดพลังงานเป็นหลักฝ่ายเภสัชท่าแพhttp://www.blogger.com/profile/09141928020517091974noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4186260810274089797.post-89270263005165129382008-08-15T09:47:00.021+07:002010-06-16T16:47:02.772+07:00แนวปฏิบัติสำหรับยาที่มีความเสี่ยงสูง<div align="left"><span style="color:#000099;"><strong>แนวปฏิบัติสำหรับยาที่มีความเสี่ยงสูง ( High Alert Drug )<br />โรงพยาบาลท่าแพ<br /></strong></span><br /><span style="color:#cc0000;"><strong>วัตถุประสงค์<br /></strong></span>เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติแก่บุคลากรที่เกี่ยวข้องให้มีความระมัดระวังในการสั่งใช้ การเตรียมยา การจ่ายยา และการบริหารยาที่จัดเป็นยาที่มีความเสี่ยงสูง อันจะส่งผลให้เกิดความปลอดภัย และประสิทธิผลในการรักษาสูงสุดแก่ผู้ป่วย<br><br /><br /><span style="color:#cc0000;"><strong>นิยาม</strong></span><br />High Alert Drug คือ กลุ่มยาที่มีความเสี่ยงสูงในการที่จะก่อให้เกิดอันตรายหรือผลเสียถ้ามีความผิดพลาดจากการใช้ยา เนื่องจากมีดัชนีการรักษาแคบ หรือมีผลต่ออวัยวะสำคัญ เช่น สมอง หัวใจ ไต ฯลฯ<br />(บุคลากรต้องตระหนักในอันตรายและเฝ้าระวังเพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความปลอดภัยจากยาเหล่านี้)<br><br /><br /><span style="color:#cc0000;"><strong>รายการยาความเสี่ยงสูง</strong><br /></span>สารละลาย electrolyte ในรูปแบบยาฉีด<br />- Magnesium sulfate (MgSO4) injection<br><br />- Potassium chloride (KCL) injection<br><br />- Calcium gluconate injection<br><br />กลุ่มยาหัวใจและหลอดเลือด<br><br />- Digoxin injection<br><br />- Dopamine injection<br><br />- Adrenaline injection<br><br />ยาเสพติด<br><br />- Morphine injection<br><br />- Pethidine injection<br><br />กลุ่มยาเคมีบำบัด<br><br />ทุกชนิดที่มีการ refer จากรพ.ศูนย์อื่นๆ<br><br /><br /><span style="color:#cc0000;"><strong>แนวปฎิบัติ</strong></span><br />ข้อปฎิบัติในการสั่งใช้ยา การเตรียมยา การจ่ายยา และการบริหารยาที่จัดเป็นยาความเสี่ยงสูง เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย มีดังต่อไปนี้<br><br /><br /><span style="color:#000099;"><strong>1.แพทย์</strong></span><br><br />1) การเขียนใบสั่งยาในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ต้องเขียนชื่อสามัญทางยา หรือชื่อการค้าที่เป็นคำเต็ม ไม่ใช้ชื่อย่อ ยกเว้นรายการยาที่มีการกำหนดเป็นคำย่อที่สากล โดยให้ระบุความแรงของยาที่ต้องการ ชนิดรูปแบบยาเตรียม การบริหารยา ด้วยลายมือที่อ่านง่ายชัดเจน พร้อมทั้งระบุชื่อแพทย์ผู้สั่งใช้กำกับทุกครั้ง<br><br />2) การเขียนขนาดยา หรือความแรงของยา ให้ใช้หน่วยระบบเมตริก เช่น mg, mcg<br><br />3) ในการเขียนตัวเลข ขนาดยาที่ต้องการใช้ หากขนาดยาที่ใช้อยู่ในรูปทศนิยมมีค่าไม่เต็มหนึ่งให้ใส่เลข 0 ตามด้วยจุด และตามด้วยตัวเลขที่ต้องการ เช่น ต้องการใช้ยา 0.2 มิลลิกรัม ให้เขียน 0.2 mg และหากกรณีที่ขนาดยาที่ใช้เป็นเลขจำนวนเต็ม ต้องเขียนเป็นเลขจำนวนเต็มไม่ค้องใส่จุดทศนิยม เช่น 3 mg ไม่ใช่ 3.0 mg<br><br />4) การสั่งใช้ยาความเสี่ยงสูงที่ต้องเจือจางก่อนให้ทางหลอดเลือด ให้ระบุรายละเอียดจำนวนยาและสารน้ำที่ต้องการอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เช่น เขียนคำสั่งเป็น dopamine 500 mg + D5W 500 ml,adrenaline 10 amp + NSS 100 ml แทนการสั่งเป็น dopamine 1:1 หรือ adrenaline 1:10<br><br />5) การสั่งใช้ยาความเสี่ยงสูงโดยวาจา เช่น การสั่งใช้ยาทางโทรศัพท์ ให้ทำได้เฉพาะในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งผู้ป่วยต้องได้รับยาอย่างเร่งด่วนเท่านั้น และต้องตามเขียนคำสั่งลงในใบ order ทันทีที่ทำได้ เช่น ภายในตอนเช้าของวันถัดไป กรณีที่สั่งใช้ในเวรดึก<br><br />6) การสั่งใช้ยาฉีด KCL,MgSO4 และ Calcium gluconate ให้ระบุหน่วย ดังนี้<br><br />- KCL injection ให้ระบุหน่วยเป็น mEq<br><br />- MgSO4 injection ให้ระบุหน่วยเป็น กรัม (Gm.) หรือ มิลลิกรัม (mg.)<br><br />- Calcium gluconate injection ให้ระบุหน่วยเป็น กรัม (Gm.) หรือ มิลลิกรัม (mg.) หรือสั่งใช้ในหน่วยมิลลิลิตร (ml) ได้ในกรณีที่ระบุความเข้มข้นชัดเจน เช่น 10% calcium gluconate 10 มล.<br><br /><br /><span style="color:#000099;"><strong><span style="color:#000099;">2. เภสัชกร</span></strong><br /></span><br>1) จัดทำรายการยาที่อยู่ในกลุ่มยาที่มีความเสี่ยงสูง และมีข้อมูลที่สำคัญต่างๆที่ต้องการสื่อสารให้ แพทย์ พยาบาล หรือผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดแนวทางปฎิบัติเดียวกันทั้งโรงพยาบาล<br><br />2) สร้างความตระหนัก และข้อควรคำนึงถึงในการตรวจสอบยาในแต่ละกลุ่มตามประเด็นสำคัญที่ต้องนึกถึง<br><br />3) เก็บยาให้เป็นสัดส่วน และบริเวณที่เก็บยาความเสี่ยงสูงต้องมีป้ายคำเตือนที่เห็นได้ชัดเจน<br><br />4) ใบสั่งยา/ใบ copy ที่มียาความเสี่ยงสูง ต้องทำเครื่องหมายที่ชื่อยานั้นให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดความระมัดระวังในการจัดยา ตรวจสอบ และการจ่ายยา<br><br />5) อ่านคำสั่งและขนาดยาให้ชัดเจน กรณีไม่มั่นใจให้สอบทานกับแพทย์ผู้สั่งใช้หรือพยาบาลประจำหอผู้ป่วยทันที<br><br />6) การเตรียมยาหรือจัดยาต้องมีการตรวจสอบซ้ำโดยบุคคลที่ไม่ได้เป็นผู้เตรียมหรือจัดก่อนที่จะจ่ายยาออกไป (independent check)<br><br />7) การจ่ายยาความเสี่ยงสูงในกรณีผู้ป่วยนอกต้องมีคำถามหลักที่ชัดเจนเพื่อยืนยันความถูกต้องของการใช้ยา<br><br />8) การจ่ายยาความเสี่ยงสูงให้แก่หอผู้ป่วยจะต้องติดสติกเกอร์คำเตือนหรือสัญลักษณ์ที่มองเห็นได้ชัดเจนทุกครั้ง เช่น “ High Alert Drug” “ใช้ NSS เท่านั้น” “ ใช้ D5W เท่านั้น”<br><br /><br /><span style="color:#000099;"><strong>3. พยาบาล</strong></span><br><br />1) ยาความเสี่ยงสูงที่เป็น stock ward ต้องเก็บให้เป็นสัดส่วน และบริเวณที่เก็บยาความเสี่ยงสูงต้องมีป้ายคำเตือนที่เห็นได้ชัดเจน<br><br />2) ต้องไม่มี KCL injection เก็บเป็น stock อยุ่ในหอผู้ป่วย ยกเว้นเป็นยาที่สั่งใช้กับผู้ป่วยในขณะนั้น<br><br />3) ในการรับยาจากห้องยาทุกครั้งต้องทำการตรวจสอบยาที่ได้รับกับใบสั่งยาของแพทย์ให้ถูกต้องทั้ง ชื่อผู้ป่วย ชนิดยา ความแรง รูปแบบยาเตรียม จำนวน หากเป็นยาใหม่ที่ไม่คุ้นเคย หรือมีข้อสงสัย ให้โทรกลับไปยังห้องยาเพื่อยืนยันความถูกต้อง<br><br />4) การตรวจสอบยาก่อนการบริหารยา เมื่อจะหยิบใช้ยาเพื่อบริหารแก่ผู้ป่วย (พยาบาลผู้ตรวจสอบในข้อ 1 ไม่ควรเป็นคนเดียวกับข้อนี้)<br><br />5) ก่อนให้ยาให้ยืนยันความถูกต้องของผู้ป่วยอย่างน้อย 2 ตัวบ่งชี้ เช่น สอบถามชื่อ-นามสกุล และตรวจสอบที่ป้ายข้อมือ<br><br />6) สำหรับยาที่ต้องหยดเข้าหลอดเลือดดำ ผู้เตรียมต้องเขียนชื่อยาและความเข้มข้น พร้อมทั้งชื่อผู้เตรียมลงบนฉลากหรือใบปิดขวดน้ำเกลือที่เตรียมทุกครั้ง และในระหว่างให้ยาต้องมีการตรวจสอบการให้ยาซ้ำ โดยพยาบาลที่ไม่ได้เป็นผู้ให้ยา<br><br />7) พยาบาลผู้ให้ยามีการเฝ้าระวังอาการที่เป็นอันตรายที่สามารถเกิดได้จากการใช้ยาในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงระหว่างการให้ยา และมีการเตรียมการแก้ไขล่วงหน้าก่อนให้ยา เช่น เตรียมรถฉุกเฉิน หรือยาที่จำเป็นต้องใช้ในการแก้ไขอาการ<br><br /><br />การใช้ยาที่มีความเสี่ยงสูง<br><br />1. Magnesium sulfate<br><br />2. Calcium gluconate injection<br><br />3. Potassium chloride<br><br />4. Digoxin injection<br><br />5. Dopamine injection<br><br />6. Adrenaline injection<br><br />7. Morphine injection<br><br />8. Pethidine injection<br><br />9. ยาเคมีบำบัด ที่มีการ refer จากรพ.ศูนย์อื่นๆ<br><br /><br />Magnesium<br><br /><br />รูปแบบยา 10% MgSO4 ใน 10 ml 1 g/amp<br />50% MgSO4 ใน 2 ml 1 g/amp<br /><br />แนวทางการให้IV Magnesium sulfate<br />1. ให้มีคำสั่งใช้ยาโดยระบุหน่วย mg , mEq ,Gm<br />2. ผสมใน NSS,D5W,Ringer lactate<br />ห้าม ผสมในสารละลายด่าง (เช่น Calcium injection,NaHCO3 )<br />ห้ามแช่ตู้เย็น ตกตะกอน<br />3. ใช้ระบบตรวจสอบซ้ำก่อน- หลังให้ยา<br />4. Rate ในการให้ IV MgSO4 ไม่เกิน 150 mg/min<br />5. เตรียม Calcium gluconate ไว้เป็น Antidote<br /><br />อาการข้างเคียงของ Magnesium<br />1. กด CNS มีผลข้างเคียงกับการหายใจ<br />2. มีผลต่อ Cardiovascular ทำให้เกิด Flushing complete Heart Block<br />3. Overdose จะเกิด heart block<br /><br><br />Calcium gluconate<br /><br><br />Dosage form : ในโรงพยาบาล ขนาด 10 ml ความแรง 0.45 mEq/1ml<br /><br><br />แนวทางการใช้ Calcium gluconate อย่างปลอดภัยสำหรับพยาบาล<br /><br>1. ให้ IV push ช้าๆ(10-20 นาที)<br /><br>2. เจือจางใน D5W ไม่ควรใช้ NSS ห้าม ผสมกับ NaHCO3,carbonate<br /><br>3. เฝ้าระวัง Extravasation (ถ้าเกิด) หยุดให้ยา + เปลี่ยนเส้น<br /><br><br />Potassium Chloride<br /><br><br /><br>Dosage form : ในโรงพยาบาล 1.5 g in 10 ml (20 mEq)<br /><br>- KCL injection ก่อนใช้ต้องเจือจางด้วย NSS<br /><br>- การผสมยาต้องเจือจางในถุงน้ำเกลือ พลิกกลับไปมาให้ตัวยากระจายทั่วก่อนให้ผู้ป่วย<br /><br>- ความเข้มข้นที่เหมาะสมในการให้ยาทาง IV<br /><br>Peripheral line £ 80 mEq/L (rate < injection =" 0.5">120 ให้รีบรายงานแพทย์<br /><br><br />Dopamine<br /><br><br />Dosage form ในโรงพยาบาล : 250 mg in 10 ml<br />ความคงตัว<br />- ผสมได้ทั้งใน NSS,D5W,Rinnger<br />- ห้ามผสมกับสารละลายที่เป็นด่าง เช่น NaHCO3<br />- ห้ามใช้ถ้าสารละลายเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น หรือเป็นสีเหลือง<br />หลักการใช้ยา dopamine ที่ปลอดภัยสำหรับพยาบาล<br />1. จัดเก็บ Dopamine ไว้ห่างจากยาที่มีลักษณะคล้ายกัน คือ Aminophylline<br />2. จัดเตรียมสารละลายมาตรฐานก่อนใช้ยา คือ<br />ดูด Dopamine 4 ml.ออกจาก amp ยาก่อน แล้วเติมลงใน D5W 100 ml.<br />จะได้สารละลาย Dopamine 1:1 (1 ml.มี Dopamine1 mg)<br /><br />3. ให้Dopamine ทาง central vein เท่านั้น<br />4. พยาบาลให้ยาต้องเป็น Double check โดยมีลายเซ็นให้ยา 2 ท่าน<br />6. Monitor vital sign ทุก 20 นาที จนกว่าจะหยุดยา รายงานแพทย์เมื่อผู้ป่วย complain ใจสั่น หรือ Heart rate มากกว่า 100 ครั้ง/นาที<br />หมายเหตุ ในกรณี ต้องการเตรียมสารละลาย 2:1<br />1. ดูด Dopamine 8 ml.<br />2. เติม Dopamine ลงไปใน D5W 100 ml. จะได้ สารละลาย 2:1<br /><br>Adrenaline<br /><br><br /><br>Adrenaline = Epinephine<br /><br />Adrenaline acid tartrate 1:1000 =adrenaline 1 mg/ml<br />Dosage form ในโรงพยาบาล : 1mg/ml (ขนาด 1 ml)<br />ข้อควรระวัง การคำนวณยาผิด<br />อาการข้างเคียง : คลื่นไส้ เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ สั่น วิงเวียน หน้ามืด<br />อาการover dose : ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว หยุดหายใจ อาจเกิด ventricular fibrillation pulmonary edema ซึ่งถึงแก่ชีวิตได้<br /><br>Morphine<br /><br><br />Dosage form ในโรงพยาบาล : Morphine sulfate (ampule) =10 mg/ml<br />อาการไม่พึงประสงค์<br />- GI : ท้องผูก,คลื่นไส้อาเจียน<br />- CNS : ง่วงซึม®®(รุนแรง)กดประสาทส่วนกลาง,กดการหายใจ<br />- CVS : hypotension,bradycardia,palpitation<br />- ปัสสาวะคั่ง<br />หลักการใช้ยา Morphine ที่ปลอดภัยสำหรับพยาบาล<br />1. แพทย์งดใช้ชื่อย่อในการสั่งใช้ สั่งใช้เป็น mg เท่านั้น<br />2. ให้ได้ทาง<br />- IV push ช้าๆ (นาน ~ 4-5 นาที) ก่อนฉีดให้ผสมกับ sterile water for inj. 4-5 ml<br />- IV drip ความเข้มข้น 0.1-1 mg/ml ใน D5W หรือ NSS<br />3. Monitoring parameter<br />….RR < antidote =" Naloxone"> </div>ฝ่ายเภสัชท่าแพhttp://www.blogger.com/profile/09141928020517091974noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4186260810274089797.post-2020893819198532352008-08-14T14:35:00.001+07:002010-06-16T16:47:02.772+07:00ฝ่ายเภสัชกรรม โรงพยาบาลท่าแพ<span style="color:#009900;">ฝ่ายเภสัชกรรมโรงพยาบาลท่าแพ อ.ท่าแพ จ.สตูล</span>ฝ่ายเภสัชท่าแพhttp://www.blogger.com/profile/09141928020517091974noreply@blogger.com1